วันศุกร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2555

"เปียกฝนอย่างคน...คิิดบวก"

ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต
เป็นอีกวัน...ที่ผมต้องเปียกมะรอกมะแรกกลับบ้านหลังเลิกงาน
รถ(มอร์'ไซต์)ก็เสีย...คันเกียร์เจ้ากรรมก็ดันมาหัก...ยังไม่มีเวลาเอาไปจอดพัก จอดซ่อมเสียที
เวลาจะเข้าเกียร์ที...ก็ใช้มือนี่แหละ...ก้มโยกคันเกียร์เอา
วิธีคือ...เวลาสตาร์ทรถแล้ว ต้องโยกไปไว้ที่เกียร์ 4 เลย...
เพราะถ้าขืนไม่ทำอย่างนั้น...ขับไป ก้มโยกคันเกียร์ไป...ก็คงล้มหน้าแหกกันพอดี
หรือไม่...ก็คงเป็นจะภาพที่จะทุเรศ เวทนากับผู้ที่พบเห็นไม่น้อย...

แต่วันนี้ไม่เหมือนทุกวัน...เพราะฝนมันดันตก...

ไอ้เจ้าคันเกียร์(หัก)ที่มันพอจะโยกได้...มันกลับลื่น...
โยกลำบาก...โยกจนมือนี่เจ็บ ได้แค่เกียร์ 2....
คนผ่านไปผานมา ก็เริ่มมอง...เอาไงดีหว่า..
เอาว่ะ!...ตัดสินใจขับมันไปทั้งที่เกียร์ 2 อย่างนี้แหละ...ก็ยังพอไปได้
รากเกียร์ไป เดี๋ยวก็ถึง....ยังดีกว่านั่งเปียกฝนอยู่ตรงนี้...
(แต่ที่จริงบอกตามตรงว่าเพราะ...เริ่มอายที่คนเขามองมากกว่า)

"อนิจจัง...ทำไมชีวิตฉันถึงได้เป็นอย่างนี้"

ขับออกออกไปจากที่ทำงานได้ ก็รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ
บ่นกับตัวเองในใจ...ทำไม...ทำไมว่ะ....
ชีวิตกู ทำไมต้องเจออะไรอย่างนี้ด้วย...
ทำบุญก็เยอะ...แต่กลับไม่เห็นบุญจะหนุนนำชีวิต ให้กูบ้างเลย...ฯลฯ

แต่เผอิญพักหลังๆ มานี่...ผมจะอ่านหนังสือทีเกี่ยวกับความสำเร็จเยอะมาก

เช่น หนังสือของ...คุณสมคิด ลวางกูร คุณธนินท์ เจียรวนนท์ คุณตัน (อิชิตัน)
และอีกหลายคน ฯลฯ..
สมองเลยฉุกคิดมาได้ว่า...ปัญหาแค่นี้ จะเอามานั่งตีอกชกตัว ไปทำไม
ถ้าเราผ่านมันไปได้...มันจะทำให้เราแกร่งขึ้น...
เรื่องขี้ประติ๋ว...ก็แค่เปียกฝน...รถเสีย...เจ็บมือ...เดี๋ยวก็แห้ง เดี๋ยวก็หาย
เครียด โมโห อารมณ์เสีย...ก็ไม่ได้ช่ายให้อะไรมันทันดีขึ้นมาได้...
พอคิดได้...ใจสบาย...ขับรถไป ยิ้มไป...
คนผ่านไปมาก็คงมองว่า...มึงบ้าหรือเปล่า ขับรถตากฝนยังยิ้มได้...

กลับถึงบ้าน...ก็เล่นเอาตัวเปียกชุ่มไปทั้งเหงื่อ ทั้งฝน...

แต่เฉยๆ...ไม่เครียด ไม่รู้สึกอะไร...
ถอดเสื้อผ้าเปียกแช่กะละมัง...ซัก ตาก แห้ง ชีวิตกลับมาเป็นปกติ

เดี๋ยวนี้ผมกลายเป็นพวกคิดบวกอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว....คงเพราะหนังสือที่อ่าน

ก่อนหน้านี้ อารมณ์จะหงุดหงิดง่าย...เวลาอะไรมันไม่เป็นไปดั่งใจ
แต่มันก็ไมได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นจริงๆนะ...
สถานการณ์กลับดูเหมือนเดิม...หรือแย่ลงกว่าเดิมเสียด้วยซ้ำ

เขาบอกว่า "หนังสือ...เพียงเล่มเดียว อาจเปลี่ยนชีวิตคุณได้"

อันนี้ผมเชื่ออย่างสนิทใจร้อยเปอร์ พันเปอร์เซ็น...
เพราะทุกสิ่งทุกอย่างมันเกิดขึ้นกับตัวผมเอง...ผมพิสูจน์ได้
...ถ้าไม่เชื่อ คุณลองไปหาหนังสือดีดีสักเล่ม แล้วอ่านดู...อ่านให้เข้าใจ
ในที่นี้ผมไม่ได้หมายรวมถึงหนังสือจำพวก Playboy  FHM  ฯลฯ อะไรทำนองนั้นนะ..
เพราะมันจะเปลี่ยนชีวิตคุณไปเป็นอีกแบบ...
ก็ขออนุญาตละไว้ในฐานที่เข้าใจก็แล้วกัน แฮะๆ...

ขอย้ำนะครับว่า..."หนังสือ...เพียงเล่มเดียว อาจเปลี่ยนชีวิตคุณได้"

หากคุณเป็นคนหนึ่ง...ที่คิด หรือกำลังคิดว่าจะลองเปลี่ยนชีวิตตัวเอง...เหมือนผม
ลองหันมาอ่านหนังสือเสียเดี๋ยวนี้...แล้วชีวิตคุณจะเปลี่ยน...

..."ผมเตือนคุณแล้ว"...

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น