วันเสาร์ที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ทำบุญ(ไม่ได้)เอาหน้า..(นะ)


วันนี้ (25 ส.ค. 55 เวลา 22.00 น. เห็นจะได้) ออกไปกินก๋วยเตี๋ยว(มื้อดึก)แถวที่พัก...
ชื่อร้าน "นั่งซด" แยกถนนมาลัยแมน นครปฐม 
ระหว่างนั่งรอก๋วยเตี๋ยวแฟนผม (@Sukanya Jan-hom) เหลือบสายตาไปเห็นลุง(ในภาพ) 
ซึ่งแกมายืนด้อมๆ มองๆ...อะไรแถวๆ ร้านอยู่พักหนึ่ง...
จากนั้นก็เห็นแกค่อยๆ เอี่้ยงกายเข้าไป...ใคร่จะถามอะไรบางอย่างกับเจ้าของร้าน...
แล้วแฟนผมก็ไปเผอิญได้ยินข้อความที่เอื้อนเอ่ยจากปากลุงแกโดยไม่ตั้งใจเข้า...

ลุง : "พ่อค้า...ก๋วยเตี๋ยวชามละเท่าไหร่?..." 
เจ้าของร้านฯ : "25 บาท..."
ลุง : "เดี๋ยวนี้(ขาย)ชามละ 25 บาทแล้วหรอ?..." 
สีหน้า...ท่าทาง..เห็นได้ชัดว่ามีอาการลังเลเล็กน้อย...
แต่ไหนๆ ก็ถามแล้ว ถ้าไม่สั่งก็คงจะน่าเกลียดกระมัง...
ลุงแกเลยตัดสินใจ..."งั้นเอาเส้นเล็กน้ำมาชามนึง..." 
ระหว่างนั้นผมก็ได้ก๋วยเตี๋ยวที่สั่ง...พอดี...

แฟนผมเลยหันมากระซิบกับผมว่า..."พี่...ลุงโต๊ะนั้นแลดูเค้าเหมือนจะไม่มีตังค์อ่ะ.." 
"หนูกำลังคิดว่าเราจะช่วยจ่ายเงินแทนลุงเค้าซักมื้อดีไหม?..." 
ผมหันไปมอง ภาพที่เห็น...ผมเห็นลุงคนนี้นั่งกินก๋วยเตี๋ยวอย่างเอร็ดอร่อย..
แต่ที่มากไปกว่านั้น...ภาพที่ซ้อนเข้ามาในหัวผม..
เป็นภาพ พ่อ-แม่ และผู้มีพระคุณของผมที่กำลังนั่งกิน...อยู่ตรงหน้า...
ประเด็น คือ ผมไม่รู้หรอกนะว่า...ลุงเขาจะเป็นไป(ลำบาก)อย่างที่แฟนผมบอกหรือไม่?...
แต่จาก(ภาพ)ที่เห็น ที่รู้สึกได้...ผมไม่อยากให้กับพ่อ แม่ หรือผู้มีพระคุณต้องมาอยู่ในลักษณะแบบนี้เช่นกัน...

....แทบไม่ต้องใช้ความคิด ตัดสินใจอะไรมาก...ผมบอกให้แฟนผมทำตามนั้นทันที (ขออนุญาตเลี้ยงลุงเขาสักมื้อ นานๆ จะมีโอกาสสักที)...
ไม่คิดอะไร...อย่างน้อยคิดว่าถ้าทำแล้วเราอิ่มเอมใจ สบายใจ รู้สึกดี ถึงการเป็นผู้ให้....

ใช้เวลาประมาณ 15 นาที...เราก็กินกันเสร็จ...เรียกเด็กเก็บตังค์...
หันไปมองลุง ยังคงนั่งกินอย่างเอร็ดอร่อย...ค่อยๆ บรรจงละเมียด ทุกคำ...
(จะเป็นเพราะแกกินช้าเป็นวิสัย หรืออะไรก็ไม่รู้แหละ...คิดเอาเอง..)
...ไม่ลืมบอกเด็กเก็บตังค์ ให้ช่วยคิดเงินโต๊ะลุง(ข้างหลัง)รวมไปด้วย...
แต่กำชับว่าเงียบๆ นะ...อย่าดังไป...อายเขา...(ไม่อยากเข้าทำนอง "ทำบุญเอาหน้า")
จ่ายตังค์เสร็จ...ขับรถกลับบ้าน(ทันที) สบายใจ...อิ่ม...รู้สึกดี รู้สึกถึงการเป็นผู้ให้โดยแท้...

อีกครั้งนะครับว่า...ผมไม่รู้หรอก ว่าลุงคนนี้เขาต้องการสิ่งที่ผมพยายามยัดเยียดให้หรือไม่?...
คิดอีกที...บางทีตอนนี้ลุงแกอาจจะแอบด่า(ผมและแฟน)ในใจก็เป็นได้...
"ไอ้เวรที่ไหนว่ะ?...มันมาดูถูกคนอย่างกรู..."
แต่สิงที่ผมได้ ณ ตอนนี้ คือ ความรู้สึกดีอย่างที่บอก(ไม่ถูก)...
และผมจะพยายามลืมสิ่งที่ผมทำในวันนี้ให้เร็วที่สุด...
เพราะผมคิดว่า "คนเราหากทำดีนั้น ไม่ควรหวังผลตอบแทนใดๆ ทั้งสิ้น..."
แม้กระทั่ง "ผลที่จะทำให้จิตใจเราสบายขึ้นก็ตาม...
" เพราะอย่างไรเสีย...มันยังก็คือ...."ผลที่เราหวัง"
สู้เอาเวลาไปจดจำเรื่องราวที่เรา(เคย) "ทำไม่ดี" อะไรกับใคร และหาวิธีที่จะแก้ไข มันเสียจะดีกว่า...
ภาวะจิตเราจะได้สูงขึ้นร้อยเท่าพูลทวี...

ขอบคุณนะครับลุง(นิรนาม)...หวังว่าเราคงจะไม่เจอกันอีก...
เพราะกลัวว่าถ้าเจอ...เจ้าของไปบอกให้เขารู้...เดี๋ยวเราจะทำตัวไม่ถูก...
กลัวมากกับการที่จะทำอะไรแบบ.... "เอาหน้า".... เนี่ย.

เหอะๆ...แต่ท่านที่กำลังอ่าน...ก็คงคิดแว๊ปขึ้นมาในหัวใช่ไหมครับว่า..
"แล้วที่มรึงมาเล่า มาสาธยายเนี่ย เพื่ออะไรว่ะ? ไม่ใช่เพราะ  "หวังผล หรือ เอาหน้า" หรือไง?...ปั๊ดโถ่!"

.....เปล่าหรอกครับ..ที่ผมสาธยายเล่ามาให้ฟังมาทั้งหมดนี้...
เพราะอยากให้พวกท่าน ได้ลองมองหาโอกาส "ทำดี ทำบุญ ฯลฯ" ดูบ้าง...
โดยเลิกคิดถึงแต่เรื่องที่จะต้อง... "เข้าวัด" เพียงอย่างเดียว...(อะไรๆ ก็ต้องเข้าวัด)
ลองมองดูรอบๆ ตัวท่านดู...บางทีท่านอาจจะมีโอกาสทำบุญ (ยิ่งใหญ่)...กับใครโดยไม่รู้ตัวก็เป็นได้...
โดยเฉพาะการทำบุญกับ "คน" และคนที่ต้องการมันจริงๆ...

....โชคดีครับ....

1 ความคิดเห็น:

  1. คิดถึงตอนที่ตัวเอง..
    สมัยหนึ่งอาศัยอยู่กรุงเทพกับภรรยา(คนปจจุบัน)
    ภรรยาทำงานที่เซลทรัลปิ่นเกล้าขายเสื้อผ้าเด็ก หลังเลิกงานวันหนึ่งเหลือเงิน 2 คนรวมกันหลังคักค่ารถเมล์แล้ว 10 บาท
    ก็เลยคุยกันว่า "เราจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้อย่างไร" ตายเสียยังดีกว่า
    ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ผมเลยคิดว่า "ตายดีเสียดีกว่า" อยู่
    อยู่ที่ทำงานทุกวันนี้ก็เหมือนกัน หลายๆเหตุการณ์ที่ผมปะทะ ก็ทำให้ผมได้เสมอมาว่า "ตายดีกว่าอยู่..แล้วพวกที่อยู่ทำไมไม่ตายซักที" 55555

    ตอบลบ